เรามุ่งมั่นที่จะผลิตผลิตภัณฑ์สแตนเลสที่มีความทนทานและคุณภาพสูง โดยรับผลิตตามแบบที่คุณต้องการ ทั้งในด้านดีไซน์และฟังก์ชัน เพื่อให้คุณได้ผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของตลาดและการใช้งานจริง
ทำไมต้องให้เราดูแลเรื่องการทำ OEM แบบครบวงจร
บริการ OEM ที่เรามี
(Custom Manufacturing)
(Private Labeling)
(Product Design)
(Quality Testing)
ขั้นตอนในการใช้บริการ OEM กับ Stainless Steel Home
1.ติดต่อสอบถาม
เริ่มต้นด้วยการติดต่อเราผ่านทางอีเมลหรือโทรศัพท์ เพื่อนัดหมายการพูดคุยเกี่ยวกับความต้องการของคุณ
2.เสนอแบบและดีไซน์
ลูกค้าสามารถเสนอแบบและดีไซน์ที่ต้องการ หรือหากคุณยังไม่มีแนวคิด เราสามารถช่วยออกแบบให้ได้ตามความต้องการ
3.ขอใบเสนอราคา
หลังจากที่เราทราบข้อมูลทั้งหมดแล้ว เราจะส่งใบเสนอราคาให้คุณพิจารณา
4.เริ่มผลิต
เมื่อคุณอนุมัติใบเสนอราคาและยืนยันคำสั่งซื้อ เราจะเริ่มกระบวนการผลิตโดยละเอียด
5.การตรวจสอบคุณภาพ
เรามีการทดสอบคุณภาพในทุกขั้นตอนของการผลิตเพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้รับนั้นเป็นไปตามมาตรฐานที่ต้องการ
6.ส่งมอบสินค้า
ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการตรวจสอบแล้วจะถูกส่งไปยังที่อยู่ของคุณ ตามกำหนดเวลา
ค่าบริการการทำ OEM กับเรา
ในส่วนของราคาขึ้นอยู่กับปริมาณการสั่งซื้อและความซับซ้อนของผลิตภัณฑ์ ตัวอย่างราคาประมาณการจะสามารถคำนวณได้เมื่อได้รับข้อมูลการออกแบบและปริมาณการผลิตที่แน่นอนจากลูกค้า
ตัวอย่างผลงาน และแบรนด์ที่ไว้วางใจสั่งทำ OEM กับเรา
เราภูมิใจที่ได้ให้บริการแก่ลูกค้า
ในหลากหลายอุตสาหกรรม
ผู้ผลิตอุปกรณ์ในครัวเรือน
(OEM)
แบรนด์สินค้าโลหะ
ระดับสากล (ODM)
ลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรม
และธุรกิจต่างประเทศ
ความแตกต่างของ OEM vs ODM
Stainless Steel Home Equipment Manufacturing Co., Ltd.
เรามีทั้งบริการ OEM และ ODM สำหรับสั่งทำสแตนเลส อ่างสแตนเลส และอุปกรณ์สแตนเลสอื่นๆ ซึ่งความแตกต่างของ OEM และ ODM มีดังนี้
OEM (Original Equipment Manufacturer)
- การผลิตสินค้าตามแบบและดีไซน์ที่ลูกค้าให้มา
- ลูกค้าจะมีความยืดหยุ่นในการเลือกวัสดุและขนาด รวมถึงสามารถติดแบรนด์ของตัวเองได้
- สามารถผลิตสินค้าในปริมาณมากได้ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดของคุณ
ODM (Original Design Manufacturer)
- ออกแบบสินค้าของตัวเองและลูกค้าสามารถเลือกสินค้าจากตัวเลือกที่มี
- เหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีการออกแบบจากเรา และไม่ต้องเสียเวลาพัฒนาเอง
- สรุป
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับบริการ OEM
เลือกจาก ประเภทของสแตนเลส เลือกใช้สแตนเลสที่มีคุณภาพ เช่น SUS304, SUS316 ซึ่งมีคุณสมบัติในการทนต่อการกัดกร่อนและการเป็นสนิมได้ดี
เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
เช่น หูฟัง, โทรศัพท์มือถือ, สมาร์ทวอทช์ หรืออุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ซึ่งมีการเติบโตในตลาดอย่างต่อเนื่อง
สินค้าเครื่องครัวและอุปกรณ์ในบ้าน อุปกรณ์สแตนเลส
เช่น เครื่องมือทำอาหาร, เครื่องดูดฝุ่น, หรืออุปกรณ์สแตนเลส ซึ่งลูกค้าสามารถสร้างแบรนด์ให้กับผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้
เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
หลายบริษัทที่มีแบรนด์ของตัวเองเลือกที่จะทำ OEM กับโรงงานผลิตเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
เสื้อผ้าและแฟชั่น
ธุรกิจเสื้อผ้า, รองเท้า, กระเป๋า หรือเครื่องประดับที่ทำ OEM เป็นที่นิยมมาก โดยสามารถเลือกใช้วัสดุและดีไซน์ที่เหมาะสมกับแบรนด์
สินค้าสุขภาพและอาหารเสริม
การทำ OEM อาหารเสริม, สมุนไพร หรือผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีการรับรองคุณภาพ
- ประเภทของผลิตภัณฑ์
คุณต้องทราบว่าอยากทำสินค้าประเภทใด หรือมีไอเดียที่ชัดเจนในการสร้างผลิตภัณฑ์ - ผู้ผลิตที่เชื่อถือได้
ควรเลือกผู้ผลิตที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการผลิตสินค้าประเภทนั้น ๆ โดยตรวจสอบประวัติการทำงานและรีวิวจากลูกค้ารายอื่น ๆ - ขั้นตอนการผลิต
ต้องทราบว่าในกระบวนการผลิตมีขั้นตอนอะไรบ้าง เช่น การออกแบบ, การพัฒนา, การทดสอบคุณภาพ และการผลิตจริง - ราคาต่อหน่วยและปริมาณการผลิต
ค่าใช้จ่ายในการผลิตแต่ละหน่วยเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยราคามักจะลดลงตามปริมาณที่สั่งผลิต ดังนั้นหากสั่งผลิตในปริมาณมากจะทำให้ได้ราคาที่ถูกลง
- ค้นหาและเลือกผู้ผลิต
ค้นหาผู้ผลิตที่มีความเชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์ที่คุณต้องการผลิต โดยสามารถตรวจสอบจากเว็บไซต์, รายชื่อผู้ผลิตในอุตสาหกรรม, หรือแหล่งข้อมูลทางธุรกิจ - ตกลงรายละเอียดและเงื่อนไขการผลิต
เมื่อเลือกผู้ผลิตแล้ว คุณต้องตกลงรายละเอียดเกี่ยวกับการออกแบบผลิตภัณฑ์, วัสดุที่ใช้, ขนาด, การผลิต, คุณภาพ, ราคา และปริมาณการผลิต - ออกแบบผลิตภัณฑ์
คุณสามารถเลือกที่จะออกแบบผลิตภัณฑ์ด้วยตัวเองหรือให้ผู้ผลิตช่วยในการออกแบบ หากจำเป็นต้องออกแบบโลโก้หรือบรรจุภัณฑ์ด้วย - สั่งตัวอย่าง
การขอตัวอย่างผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้คุณสามารถตรวจสอบคุณภาพและรายละเอียดต่าง ๆ ก่อนการผลิตสินค้าจริง - เริ่มการผลิต
เมื่อคุณพอใจกับตัวอย่างแล้ว ก็สามารถสั่งผลิตสินค้าจำนวนมากได้ ผู้ผลิตจะเริ่มกระบวนการผลิตตามข้อกำหนด - การตรวจสอบและทดสอบคุณภาพ
ตรวจสอบคุณภาพของสินค้าทุกครั้งในระหว่างการผลิต เช่น การทดสอบวัสดุ ความทนทาน การบรรจุ เป็นต้น - การจัดส่ง
เมื่อผลิตภัณฑ์เสร็จสมบูรณ์แล้ว ก็จะถูกจัดส่งไปยังที่อยู่ของคุณตามระยะเวลาที่ตกลงกัน - รับสินค้าและจำหน่าย
เมื่อได้รับสินค้าก็สามารถนำไปจำหน่ายในตลาดได้ภายใต้แบรนด์ของคุณเอง